WORLDMED CENTER Phi Phi

ฝ่าวิกฤต ริดสีดวงทวาร

                ฝ่าวิกฤต ริดสีดวงทวาร สวัสดีท่านผู้รักสุขภาพทุกท่านครับ พบกับสาระสุขภาพดีๆกับ Admin Worldmed กันอีกเช่นเคยครับ วันนี้จะมาพูดถึงโรคริดสีดวงทวารที่หลายท่านไม่พึงปรารถนา ผู้เป็นริดสีดวงทวารจะต้องทนทรมาน กับปัญหาติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาจากทวารหนัก ขับถ่ายมีเลือดปน  หรือมีอาการปวด เจ็บ แสบ ระคายเคืองบริเวณทวารหนัก ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตสุขภาพระยะหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ เพราะไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน หรือขับถ่ายก็อาจไม่สะดวกนัก วันนี้เรามาทำความเข้าใจถึงวิธีปฏิบัติสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาริดสีดวงทวารกันครับ

ฝ่าวิกฤต ริดสีดวงทวาร
วิธีปฏิบัติสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาริดสีดวงทวาร
ฝ่าวิกฤต ริดสีดวงทวาร
1.หมั่นนั่งแช่น้ำอุ่นเป็นประจำ 
ในช่วงที่มีติ่งริดสีดวงทวารยื่นออกมา เลือดจะมากระจุกอยู่ในบริเวณติ่งเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหลอดเลือดดำเกิดการโป่งพอง เมื่อพองตัวออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ จนผิวหนังบางลง และทำให้มีอาการปวดเจ็บทวารหนักมากขึ้นได้ การนั่งแช่น้ำอุ่นเป็นประจำจะทำให้มีการไหลเวียนเลือดได้ดีมากขึ้น  ช่วยบรรเทาอาการปวดเจ็บทวารหนัก และช่วยกระจายเลือดที่กระจุกอยู่บริเวณติ่ง ช่วยให้ติ่งค่อย ๆ ยุบตัวเล็กลงได้
วิธีการแช่สามารถทำได้โดยใช้กาละมังสะอาดขนาดพอตัว บรรจุน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะ แช่สัก 15-30 นาที  และการนั่งแช่นั้นก็เพื่อให้เกิดการไหลเวียนเลือดนั่นเองครับ กรณีมีแผลเปิด หรือแผลปริออกบริเวณรอบ ๆ รูทวาร  สามารถใส่ด่างทับทิมเข้าไปในน้ำอุ่น ละลายพอให้เป็นสีบานเย็นแล้วนั่งแช่ ด่างทับทิมจะช่วยฆ่าเชื้อบริเวณแผลปริได้ และหลังจากแช่เสร็จแล้วให้ล้างทำความสะอาดบริเวณทวารหนักด้วยน้ำเปล่าปกติ หรือใช้น้ำเกลือสำหรับล้างแผลบริเวณแผลปริ และซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ไม่ควรถูหรือเช็ดแรง ๆ เพราะจะให้เนื้อเยื่ออ่อนระคายเคือง และอักเสบมากขึ้นได้

2.ทานผักผลไม้เป็นประจำทุกวัน และดื่มน้ำให้มากขึ้น
ควรทานอาหารที่มีกากใยสูงเป็นประจำทุกวัน และดื่มน้ำให้เพียงพอ ปริมาณผักและผลไม้ในแต่ละวันคือ 400 กรัม หรือเท่ากับปริมาณ 4-6 ทัพพีต่อวัน แต่หากเป็นผักสุกต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า หรือหากเทียบง่าย ๆ คือ ในทุกมื้อจะต้องมีผักผลไม้อย่างน้อย 50% ของมื้อนั้น และแบ่งออกเป็นแป้ง และโปรตีนอีกอย่างละ 25%  สำหรับผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น คะน้า บล็อกโคลี  ใบเหลียง ดอกสะเดา ดอกแค ขี้เหล็ก ผักกระเฉด ตำลึง ผักกาดขาว  ผักโขม มะละกอ กล้วยน้ำว้า  ส้ม  แอปเปิ้ล  อะโวคาโด  ฝรั่ง มะม่วง  มะขาม แคนตาลูป  แก้วมังกร ข้าวสาลี ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วลิสง  เป็นต้น ส่วนการดื่มหรือจิบน้ำ ควรดื่มน้ำ(อุณหภูมิห้อง)ราว 5% ของน้ำหนักตัวและควรดื่มเริ่มตั้งแต่ตื่นนอน-ก่อนเข้านอนสัก 1 ชั่วโมง

3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 
การออกกำลังกายจะทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดลมในร่างกายได้ดี ธาตุทั้ง 4 ในร่างกายเกิดความสมดุล มีทั้งการนำสิ่งที่สะสมในร่างกายออกมาใช้ และเป็นการขับของเสียต่าง ๆ ออกจาก การออกกำลังกายที่แนะนำ เช่น การเดิน จ็อกกิ้งเบา ๆ การทำท่ากายบริหาร หรือทำท่าโยคะต่าง ๆ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิคจังหวะไม่เร็วเกินไป หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ออกแรงหนักเกินไป หรือทำให้เกิดการเสียดสีช่วงล่างของร่างกาย

4.ปรับเปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ ไม่นั่งขับถ่ายนาน ๆ
การอยู่ในอิริยาบถเดิมนาน ๆ ทั้งการยืน นั่ง หรือนั่งขับถ่ายเป็นเวลานาน ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารได้ เพราะการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ จะทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ไม่ดี เกิดการสะสมและคั่งค้างของของเสียภายในลำไส้ และมีอาการท้องผูกตามมา ยิ่งถ้าตอนนี้มีติ่งริดสีดวงอักเสบอยู่ ควรที่จะปรับเปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ ทุก ๆ 1 ชั่วโมง  เพื่อให้เลือดที่กระจุกอยู่บริเวณติ่งริดสีดวง หรือบริเวณที่มีการอักเสบ กระจายเลือดออกไปได้ดี อาการริดสีดวงทวารก็จะบรรเทาลงได้ และในระหว่างการขับถ่าย ไม่ควรเบ่งถ่ายแรง และนั่งเข้าห้องน้ำนานเกิน 15 นาทีต่อครั้ง ควรเข้าไปนั่งถ่ายเมื่อมีรู้สึกปวดถ่ายจริง ๆ เท่านั้น สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขับถ่ายคือ ช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น.  เพราะลำไส้ใหญ่ทำงานได้ดีมากที่สุด ส่วนนั่งท่านั่งตอนขับถ่ายที่เหมาะสมคือการนั่งทำมุม 35 องศา โดยวางเท้าลงบนเก้าอี้ตัวเล็กสูงจากพื้นประมาณ 20 เซนติเมตร และโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย เป็นท่าที่ลำไส้ถูกยืดตรงออก และขับของเสียต่าง ๆ ออกมาได้สะดวกมากกว่าท่านั่งปกติที่ห้อยขาลงมาถึงพื้น หรือทำมุม 90 องศา เพราะมุม 90 องศา  จะทำให้ลำไส้ถูกบีบรัดไปด้วยกล้ามเนื้อรูหูดที่ควบคุมระบบการขับถ่าย จึงทำให้ขับถ่ายยาก ต้องออกแรงเบ่งมากขึ้น และอาการริดสีดวงทวารกำเริบได้

5.งดอาหารแสลง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม
การทานอาหารที่เหมาะสมในช่วงนี้จะเป็นอาหารรสเย็น จืด ขมเป็นส่วนใหญ่ เพราะอาหารรสเย็น จืด ขม (ตัวอย่างผักที่มีฤทธิ์เย็น รสจืด ขม เช่น คะน้า บล็อกโคลี ใบเหลียง ดอกสะเดา ดอกแค ขี้เหล็ก ผักกระเฉด ตำลึง ผักกาดขาว ผักโขม)นำมาปรุงอาหารประเภท แกงจืด ผัดผัก ผัดไข่ จะช่วยปรับสมดุลความร้อนในร่างกายให้กลับสู่ปกติ ธาตุอื่น ๆ ที่ผิดปกติไปก็จะเริ่มเข้าสู่สมดุล การอักเสบในร่างกายก็จะลดลงตามไปด้วย ส่วนอาหารที่ กระตุ้นให้ริดสีดวงทวารอักเสบ ได้อย่างดี คืออาหารรสเผ็ดร้อน อาหารรสจัด ของทอดของมัน อาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม อาหารทะเล เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่กระตุ้นธาตุไฟ และมีสารกระตุ้นการอักเสบในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อระบบขับถ่ายทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่าย ทำให้มีอาการปวด เจ็บ แสบ ระคายเคืองทวารหนักมากขึ้น
 

             เหนือสิ่งอื่นใดคือการรักษาความสะอาดครับ ลดความอับชื้น หลังจากการขับถ่ายทุกครั้งจึงควรล้างทำความสะอาดทวารหนักด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำอุ่น แล้วซับให้แห้งด้วยกระดาษชำระแบบนุ่ม  อ่อนโยนต่อผิว หรือผ้าสะอาด ไม่ถูแรง ๆ หรือใช้สายฉีดชำระที่น้ำแรงมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ติ่งริดสีดวงทวารอักเสบ ปวด เจ็บมากขึ้นได้ รวมถึงเลือกสวมชุดชั้นในที่ไม่รัดแน่นเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้มีเหงื่อออกมากขึ้น และหดรัดบริเวณติ่งริดสีดวงทวาร และทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดงมากขึ้น เลือกใช้ชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดีจะดีกว่า

ติดตามสาระใน EP.ถัดไปได้ที่ช่องทางนี้ หรือ www.worldmedsolution.com

บทความ : ฝ่าวิกฤต ริดสีดวงทวาร

หน้าหลัก
กลับสู่หน้าหลักบทความ
Facebook Comments