วิตามินกินตอนไหนดี
วิตามินกินตอนไหนดี สวัสดีท่านผู้รักสุขภาพทุกท่านครับ พบกับสาระสุขภาพดีๆกับ Admin Worldmed กันอีกเช่นเคยครับ วันนี้สาระเป็นประโยชน์กับท่านที่ทานวิตามินและแร่ธาตุจากอาหารเสริมเป็นประจำ เพราะนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทานวิตามินและแร่ธาตุ เนื่องจากจะสามารถดูดซึ่มได้ดีนั่นเองครับ เนื้อหาจะเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกันครับ
วิตามินและแร่ธาตุแต่ละชนิดทานเวลาไหนกันบ้าง ?
วิตามินเอ
วิตามินเอ
วิตามินเอ : วิตามินที่มีคุณสมบัติละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้นกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที ได้เลย
วิตามินซี
วิตามินซี : ควรรับประทานพร้อมอาหารเช้าหรือเที่ยง และแบ่งรับประทานเช่นวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้คงระดับวิตามินในเลือดให้อยู่ตลอดวัน และช่วยป้องกันไม่ให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารหากต้องการปริมาณวิตามินซีในปริมาณมากเช่น 1000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นต้น และวิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม แต่อาจลดการดูดซึมของวิตามินบี 12 ดังนั้นหากจำเป็นต้องรับประทานวิตามินบี 12 ควรรับประทานให้ห่างกัน
วิตามินดี
วิตามินดี : ควรรับประทานพร้อมอาหารประเภทไขมันเช่นเดียวกับวิตามินละลายในไขมันตัวอื่นคือ เอ, อีและเค เพราะไขมันในอาหารจะช่วยเพิ่มการดูดซึม และพบบางการศึกษาแนะนำว่าควรรับประทานพร้อมอาหารมื้อเย็น เนื่องจากโดยปกติอาหารมื้อเย็นเป็นอาหารมื้อที่หนักที่สุด เพราะจะช่วยเพิ่มระดับวิตามินในเลือดถึง 50% แต่ไม่ควรรับประทานร่วมกับอาหารมื้อดึก เพราะวิตามินดีจะไปรบกวนการสร้างเมลาโตนินในร่างกาย และส่งผลถึงการนอนหลับได้
วิตามินอี
วิตามินอี : ทานให้ได้ผลสูงสุด คือ การทานในช่วงหลังมื้ออาหารเช้า กลางวัน หรือระหว่างทานอาหาร และหากทานคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมัน ก็จะมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมวิตามินอีเข้าร่างกายได้อย่างดีมากขึ้น
วิตามินเค
วิตามินเค : หากจะกินวิตามินเคก็ควรกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที เพราะเป็นวิตามินชนิดที่ละลายได้ดีในไขมันเช่นกัน
วิตามินบีรวม
วิตามินบีรวม : เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ซึ่งต่างจากวิตามินที่ละลายในไขมัน และช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ควรรับประทานก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง แต่หากบางคนอาจรู้สึกไม่สบายท้อง แนะนำให้รับประทานอาหารก่อนรับประทานวิตามินบีรวมเล็กน้อยได้
แคลเซียม
แคลเซียม : ควรรับประทานก่อนอาหารเช้า หรือพร้อมอาหารเย็น เพราะจะช่วยเพิ่มการดูดซึม และลดการเกิดนิ่วในไตได้อีกด้วย นอกจากนี้ การรับประทานในขนาดที่ต่ำ จะดูดซึมได้ดีกว่าขนาดสูง ถ้าเป็นไปได้ ควรรับประทานแคลเซียม ให้ห่างจากสังกะสีและธาตุเหล็ก เนื่องจากจะช่วยให้สารคีเลตอาจจับกับประจุบวกของสังกะสีและธาตุเหล็กทำให้คุณสมบัติของแคลเซียมเปลี่ยนไป
เหล็ก
เหล็ก : ควรรับประทานตอนท้องว่างดีที่สุด หรืออาจรับประทานก่อนอาหารพร้อมกับดื่มน้ำส้มเพราะวิตามินซีจากน้ำส้มจะช่วยเพิ่มการดูดซึมของเหล็กได้ และไม่ควรรับประทานพร้อมเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนผสมอยู่ เช่น ชาหรือกาแฟ เนื่องจากจะไปลดการดูดซึมของเหล็ก นอกจากนี้เพื่อป้องกันท้องผูกซึ่งเป็นอาการข้างเคียงจากเหล็ก อาจหลีกเลี่ยงการรับประทานเหล็กในรูปแบบเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate) และควรดื่มน้ำตามมากๆ
สังกะสี หรือ Zinc
น้ำมันปลา
น้ำมันปลา : อาจทำให้คลื่นไส้อาเจียน หรืออาหารไม่ย่อยได้ ดังนั้น ควรรับประทานพร้อมอาหารมื้อเช้าหรือเที่ยง และควรเป็นอาหารประเภทไขมันเพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึม นอกจากนี้เพื่อป้องกันอาหารไม่ย่อย ควรแบ่งรับประทานเช่นวันละ 2 ครั้ง แต่ไม่ควรรับประทานก่อนออกกำลังกายหรือก่อนนอน เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ หรือไม่ควรรับประทานร่วมกับยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือดเช่น ยาวาร์ฟาริน เป็นต้น
คอลลาเจน
คอลลาเจน : แนะนำให้กินคอลลาเจนตอนท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ คอลลาเจนจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ โดยไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย และเพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น ควรกินคอลลาเจนคู่กับวิตามินซี โดยควรเลือกกินคอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyzed collagen) เพราะร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนสายยาว นอกจากนี้ปริมาณที่ควรกินคอลลาเจนก็อยู่ที่ 5,000 -7,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
โปรไบโอติกส์
โปรไบโอติกส์ : ควรรับประทานก่อนอาหารครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง หรือพร้อมอาหาร แต่ไม่ควรรับประทานหลังอาหาร และควรเลือกรับประทานโปรไบโอติกส์ที่มีหลายชนิด โดยเฉพาะชนิด L. acidophilus, B. Longum, B. bifidum, L. rhamnosus, และ L. fermentum เป็นต้น
โคเอนไซม์ คิว 10 (Co-enzyme Q10)
โคเอนไซม์ คิว 10 (Co-enzyme Q10) : ก็ละลายได้ดีในไขมัน เหมือนกับวิตามินเอ, ดี, อี และเค ดังนั้นจึงแนะนำให้กินหลังมื้ออาหารไม่เกิน 30 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ร่างกายกำลังดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ
Grape seed (สารสกัดจากเมล็ดองุ่น)
Grape seed (สารสกัดจากเมล็ดองุ่น) : ควรกินในขณะท้องว่าง โดยอาจจะกินตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง เพราะโปรตีนจากอาหารที่เรากินเข้าไปอาจไปจับสารสำคัญใน Grape seed จนทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่เต็มที่ และหากกิน Grape seed ก็ต้องงดกินยาแอสไพรินหรือยาที่มีฤทธิ์ละลายลิ่มเลือดด้วย เพราะ Grape seed อาจไปเสริมฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด จนเสี่ยงต่ออาการเลือดออกเยอะมาก หรือเลือดไหลไม่หยุดได้
มัลติวิตามิน (Multivitamin)
มัลติวิตามิน (Multivitamin) : การกินมัลติวิตามิน ที่มีหลากหลายวิตามินและสารอาหารในเม็ดเดียว สามารถกินมัลติวิตามินหลังอาหารกลางวันไม่เกิน 30 นาที เพื่อลดอาหารระคายเคืองกระเพาะอาหารจากวิตามินบางตัว และเพื่อให้ไขมันจากอาหารมื้อใหญ่ในตอนเที่ยงที่กินเข้าไปช่วยเป็นตัวละลายให้ร่างกายดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุได้ดีขึ้นด้วย
ติดตามสาระใน EP.ถัดไปได้ที่ช่องทางนี้ หรือ www.worldmedsolution.com
บทความ : วิตามินกินตอนไหนดี